แมกนีเซียม (Magnesium) เป็นแร่ธาตุที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของร่างกายมากกว่า 300 กระบวนการ ตั้งแต่ระบบประสาท การนอน การสร้างพลังงาน กล้ามเนื้อ หัวใจ ไปจนถึงการควบคุมอารมณ์ แต่ข้อมูลล่าสุดชี้ว่า คนไทยจำนวนมาก “ขาดแมกนีเซียม” โดยไม่รู้ตัว เพราะไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ทำให้ร่างกายใช้แมกนีเซียมมากกว่าที่ได้รับจากอาหาร

อาการขาดแมกนีเซียมจึงมักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นอาการทั่วไป เช่น เหนื่อย ง่วง เครียด หรือปวดเมื่อย ทั้งที่จริงเป็น “สัญญาณเตือน” ของความไม่สมดุลในระบบประสาทและกล้ามเนื้อ

บทความนี้จะสรุปอาการทั้งหมดอย่างละเอียด โดยแบ่งเป็นหมวดหมู่ชัดเจน พร้อมคำแนะนำแบบเข้าใจง่ายว่าใครบ้างเสี่ยงขาดแมกนีเซียม และทำไมบางคนจำเป็นต้องเสริมแมกนีเซียมชนิดดูดซึมดี เช่น Magnesium Glycinate หรือสูตรรวมอย่าง MAGUS 5+1

⭐ ทำไมร่างกายจึงขาดแมกนีเซียมได้ง่าย?

ก่อนเข้าอาการ ต้องเข้าใจก่อนว่าแมกนีเซียมถูกใช้มากในสถานการณ์ต่อไปนี้:

✔ ความเครียด (ร่างกายใช้แมกนีเซียมเพื่อสงบระบบประสาท)
✔ การทำงานหนัก ใช้สมองเยอะ
✔ การออกกำลังกาย
✔ ดื่มกาแฟ ชา หรือเครื่องดื่มคาเฟอีน
✔ ดื่มแอลกอฮอล์บ่อย
✔ การนอนน้อยหรือหลับไม่ลึก
✔ กินอาหารแปรรูปเกินไป
✔ เหงื่อออกมาก (แมกนีเซียมออกพร้อมเหงื่อ)

เพราะฉะนั้น คนวัยทำงานส่วนใหญ่จึง “เสี่ยงขาดแมกนีเซียมแบบเรื้อรัง”

⭐ อาการขาดแมกนีเซียมเป็นอย่างไร? (แยกตามระบบร่างกาย)

ด้านล่างนี้คือ รายการอาการที่พบได้จริงจากการขาดแมกนีเซียม และจัดเรียงตามความเกี่ยวข้องกับระบบต่าง ๆ เพื่อให้อ่านง่ายที่สุด

🔶 1) อาการทางระบบประสาท (Nervous System)

นี่คือกลุ่มอาการที่พบบ่อยที่สุด และมักเกิดก่อนอาการอื่น

✔ นอนไม่หลับ หลับไม่ลึก

แมกนีเซียมช่วยสร้าง GABA ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ทำให้สงบ
เมื่อแมกนีเซียมต่ำ → สมองตื่นตลอด → หลับยาก ตื่นกลางดึก

✔ ความคิดฟุ้งซ่าน สมองไม่ยอมปิด

เป็นสัญญาณว่าระบบประสาทถูกกระตุ้นมากเกินไป

✔ วิตกกังวลง่ายกว่าปกติ

แมกนีเซียมต่ำสัมพันธ์กับระดับคอร์ติซอลสูงและความไวของระบบประสาท

✔ สมองล้า ทำงานช้า โฟกัสไม่ได้

เพราะแมกนีเซียมต้องใช้ในการสร้างพลังงาน ATP

✔ ปวดศีรษะหรือไมเกรน

การศึกษาหลายฉบับพบว่า 40–90% ของคนที่ปวดไมเกรนมีระดับแมกนีเซียมต่ำกว่าค่าเฉลี่ย

🔶 2) อาการเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ (Muscular System)

แมกนีเซียมเป็นตัวช่วยให้ “กล้ามเนื้อคลายตัว” หากขาด จะเกิดอาการดังนี้:

✔ ตะคริวตอนกลางคืน

เป็นสัญญาณขาดแมกนีเซียมที่ชัดที่สุด

✔ กล้ามเนื้อกระตุกตามตัว

เช่น ใต้ตากระตุก หรือกล้ามเนื้อบริเวณขากระตุก

✔ ปวดเมื่อยเรื้อรัง

เพราะกล้ามเนื้อไม่คลายตัวตามปกติ

✔ อ่อนแรงง่ายกว่าปกติ

แมกนีเซียมจำเป็นต่อการสร้างพลังงาน
ถ้าขาด → ร่างกายผลิตพลังงานได้ช้า

🔶 3) อาการเกี่ยวกับหัวใจและระบบไหลเวียน (Cardiovascular System)

แมกนีเซียมมีส่วนสำคัญในการควบคุมจังหวะหัวใจ

✔ ใจสั่น หัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ

ระดับแมกนีเซียมต่ำพบในคนที่มีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ

✔ ความดันขึ้นง่าย

เพราะหลอดเลือดหดตัวมากกว่าปกติ

✔ อ่อนเพลียเรื้อรัง

หัวใจต้องทำงานมากขึ้นเพื่อให้เลือดไหลเวียนอย่างพอเพียง

🔶 4) อาการเกี่ยวกับระบบการนอน (Sleep System)

แมกนีเซียมมีบทบาทในการทำให้สมองเข้าสู่โหมดพัก

✔ หลับไม่ลึก ตื่นง่าย

✔ ตื่นมากลางดึก

✔ ตื่นแล้วไม่สดชื่น

✔ กระสับกระส่ายก่อนนอน

อาการทั้งหมดเกี่ยวข้องกับภาวะระบบประสาทไม่ผ่อนคลาย

🔶 5) อาการเกี่ยวกับระบบอารมณ์ (Emotion & Mood)

แมกนีเซียมช่วยควบคุม serotonin และ dopamine

✔ อารมณ์แปรปรวน

✔ หงุดหงิดง่าย

✔ รู้สึกเศร้า ไม่มีแรงใจ

✔ เครียดสะสม

มักเกิดในคนทำงานหนัก นอนน้อย หรือมีปัญหาฮอร์โมน

🔶 6) อาการเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร (Digestive System)

แมกนีเซียมช่วยให้กล้ามเนื้อเรียบของลำไส้คลายตัว

✔ ท้องผูกเป็นประจำ

เพราะลำไส้บีบตัวไม่ดี

✔ ท้องอืด แน่นท้อง

การย่อยทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ

🔶 7) อาการเกี่ยวกับระบบฮอร์โมน (Hormonal System)

โดยเฉพาะในผู้หญิง แมกนีเซียมมีบทบาทสำคัญ

✔ PMS รุนแรง

ปวดท้อง ประจำเดือนมาแล้วเครียดง่าย หรือปวดเอวมากกว่าปกติ

✔ นอนไม่ได้ช่วงก่อนมีประจำเดือน

ฮอร์โมนแกว่ง + ขาดแมกนีเซียม = นอนยากขึ้นหลายเท่า

🔶 8) อาการทางผิวหนัง (Skin Symptoms)

แม้ไม่ใช่อาการหลัก แต่พบในหลายคนที่ขาดแมกนีเซียมหนัก

✔ ผิวแห้ง

✔ ผิวอักเสบง่าย

✔ สิวจากความเครียด

เกิดจากระบบอักเสบในร่างกายเพิ่มขึ้นเมื่อแมกนีเซียมต่ำ

🔶 9) อาการอื่น ๆ ที่มักถูกมองข้าม

✔ เหนื่อยง่ายผิดปกติ

เพราะร่างกายผลิตพลังงานได้ไม่ดี

✔ มือเท้าชา

แมกนีเซียมมีผลกับการส่งสัญญาณประสาท

✔ ขี้ลืม สมองเบลอ

เกี่ยวข้องกับระบบพลังงานในสมอง

⭐ ทำไมหลายคน “ขาดแมกนีเซียม” ทั้งที่กินอาหารปกติ?

คำตอบง่ายมาก:

เพราะอาหารยุคปัจจุบันมีแมกนีเซียมน้อยลงอย่างมาก เช่น:

– ผักล้างจนเสียแร่ธาตุ
– ผักผลไม้ปลูกในดินที่แร่ธาตุลดลง
– อาหารแปรรูปสูง
– การดื่มกาแฟหลายแก้ว
– ความเครียดเรื้อรัง
– การดื่มแอลกอฮอล์
– นอนน้อย
– เหงื่อออกจากฟิตเนส

แมกนีเซียมถูกใช้มากกว่าที่ได้รับ ทำให้เกิดภาวะ “ขาดสะสม” (Subclinical Magnesium Deficiency)

⭐ กลุ่มที่มีความเสี่ยงขาดแมกนีเซียมมากที่สุด

✔ คนทำงานหนัก
✔ คนดื่มกาแฟวันละ 1–3 แก้ว
✔ คนดื่มแอลกอฮอล์
✔ คนออกกำลังกายหนัก
✔ คนที่ตะคริวบ่อย
✔ คนที่นอนไม่หลับเรื้อรัง
✔ ผู้หญิงที่มี PMS รุนแรง
✔ คนที่เป็นไมเกรน
✔ ผู้สูงอายุ
✔ คนเครียดง่าย

⭐ แมกนีเซียมแบบไหนเหมาะสำหรับคนที่ขาดแมกนีเซียม?

แมกนีเซียมมีหลายฟอร์ม แต่สำหรับคนที่มีอาการชัดเจน ควรเลือกฟอร์มที่ “ดูดซึมดีและอ่อนโยนที่สุด”

ฟอร์มที่เหมาะที่สุดสำหรับระบบประสาทและการนอน:

Magnesium Glycinate (Chelated Form)

เพราะ:

✔ ดูดซึมดี
✔ อ่อนโยนสุด
✔ ไม่ถ่ายเหลว
✔ เหมาะกับระบบประสาท
✔ ช่วยให้นอนดีขึ้น
✔ ลดความกังวล
✔ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ

หนึ่งในวัตถุดิบที่มีคุณภาพสูงคือ NovoMin® Magnesium Glycinate จากสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีการรับรองคุณภาพและเสถียรภาพสูง

⭐ ทำไมสูตรรวมแมกนีเซียม 5 ฟอร์ม + B6 เช่น “MAGUS 5+1” ถึงตอบโจทย์อาการขาดแมกนีเซียมได้ดีกว่า?

เพราะอาการขาดแมกนีเซียมไม่ได้มีแค่เรื่อง “นอนหลับ”
แต่กระทบหลายระบบพร้อมกัน เช่น หัวใจ กล้ามเนื้อ และสมอง
การใช้แมกนีเซียมหลายฟอร์มจึงครอบคลุมกว่า เช่น:

✔ Glycinate → ระบบประสาท การนอน

✔ Malate → พลังงาน ลดอ่อนล้า

✔ Citrate → ระบบขับถ่าย

✔ Chelate → อ่อนโยน ดูดซึมง่าย

✔ Oxide (ปริมาณเหมาะสม) → เสริมแมกนีเซียมรวม

✔ B6 → ช่วยการทำงานของแมกนีเซียมและระบบประสาท

MAGUS 5+1 จึงเหมาะกับคนที่มีอาการหลากหลาย ได้แก่:

– นอนไม่ลึก
– เครียด
– ตะคริว
– ไมเกรน
– ใจสั่น
– อ่อนล้า
– PMS
– สมาธิสั้น

และต้องการฟื้นตัวแบบครอบคลุม

⭐ แล้วอาการขาดแมกนีเซียมจะดีขึ้นเมื่อไหร่?

ขึ้นอยู่กับระดับความขาด แต่ส่วนใหญ่จะเริ่มเห็นผลภายใน:

✔ 3–7 วัน → หลับง่ายขึ้น
✔ 1–2 สัปดาห์ → ตะคริวลดลง
✔ 2–4 สัปดาห์ → อารมณ์นิ่งขึ้น ความเครียดลด
✔ 3–6 สัปดาห์ → พลังงานดีขึ้น หัวใจเต้นสมดุล

⭐ สรุป: ขาดแมกนีเซียมอาการเป็นอย่างไร?

หากคุณมีอาการเหล่านี้บ่อย ๆ แปลว่าร่างกายอาจกำลังขาดแมกนีเซียม:

✔ นอนไม่หลับ หลับไม่ลึก
✔ สมองฟุ้งซ่าน วิตกกังวล
✔ ตะคริว กล้ามเนื้อกระตุก
✔ ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว
✔ ปวดหัวไมเกรน
✔ อ่อนเพลียเรื้อรัง
✔ หงุดหงิด อารมณ์แปรปรวน
✔ ท้องผูก
✔ PMS รุนแรง
✔ ร่างกายฟื้นตัวช้ากว่าปกติ

หากมีหลายอาการร่วมกัน ควรพิจารณาเพิ่มแมกนีเซียมผ่านอาหารและเสริมด้วยแมกนีเซียมคุณภาพสูงฟอร์มดูดซึมดี เช่น Magnesium Glycinate หรือสูตรรวมอย่าง MAGUS 5+1 เพื่อฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาสมดุลอย่างเป็นธรรมชาติ